ยกเลิกแจ๊คพอต เพิ่มรางวัลที่ 1 เป็นคู่ละ 6ล้านบาท แก้ปัญหารวมชุดขายเกินราคา

“บิ๊กแดง” ถกบอร์ดสลากฯ มีมติ ยกเลิก “แจ๊กพอต” เพิ่มรางวัลที่ 1เป็นคู่ละ 6 ล้านบาท เริ่มงวด 1 ส.ค.2558 แก้ปัญหารวมชุดขายเกินราคายุบรางวัลแจ๊กพ็อต

     พร้อมเห็นชอบปรับโครงสร้างราคาใหม่ ลดต้นทุกจากเดิม คู่ละ 74.40 บาท เหลือ 70.40 บาท เพิ่มส่วนแบ่งกำไรให้รายย่อยเป็น 9.60 บาทต่อคู่ ขีดเส้นตายขายห้ามเกิน 80 บาท ตั้งแต่งวด 16 มิ.ย.นี้ ตั้งทีมเฉพาะกิจทหาร ตำรวจ ดีเอสไอ มหาดไทย 10 ทีมสุ่มตรวจทั่วประเทศ หากพบผิดเงื่อนไขริบโควตาคืนทันที ดึงสรรพากร-ปปง.ไล่บี้สอบภาษีซ้ำ

       พล.ต.อภิรัชต์กล่าวภายหลังการประชุมว่า การแก้ไขปัญหาราคาสลากกินแบ่งรัฐบาลขายเกินราคา เป็นนโยบายของรัฐบาลที่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยประชาชนผู้ซื้อสลาก เห็นว่าสลากเป็นสมบัติและผลิตภัณฑ์ของรัฐบาล ที่กำหนดราคาต้นทุนและราคาขายที่ชัดเจน แต่ที่ผ่านมาพบว่าผู้ค้าที่ได้รับโควตาจำหน่ายเกินราคา ดังนั้น ที่ประชุมจึงมีมติเห็นชอบปรับปรุงโครงสร้างราคาสลากใหม่

     พล.ต.อภิรัชต์กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีเอาโควตาสลากไปรวมกลุ่มรวมชุดขายแล้วบวกราคา ต่อไปนี้ต้องไม่มี หากจะรวมชุดขายก็ได้ แต่เมื่อคิดเป็นต่อไปคู่แล้วต้องไม่เกิน 80 บาท จากมติที่ประชุมดังกล่าว จะเสนอ รมว.คลัง เพื่อเสนอ ครม.เห็นชอบต่อไป มั่นใจว่าจะมีผลทันใช้ในงวด 16 มิ.ย. นี้แน่นอน

       พล.ต.อภิรัชต์กล่าวต่อว่า เพื่อเป็นการป้องกันการรวมชุดสลากฯ เพื่อขายเกินราคา คณะกรรมการยังเห็นชอบให้ยกเลิกการจ่ายรางวัลแจ๊กพอต และนำเงินส่วนดังกล่าวไปกระจายให้กับการจ่ายรางวัลที่ 1 แทน จากเดิมที่กำหนดราคารางวัลไว้ที่ใบละ 2 ล้านบาท หรือคู่ละ 4 ล้านบาท เพิ่มเป็นใบละ 3 ล้านบาท หรือคู่ละ 6 ล้านบาท เหมือนกับสลากฯ การกุศล ที่จ่ายรางวัลใบละ 3 ล้านบาท หรือคู่ละ 6 ล้านบาท ไม่มีรางวัล แจ๊กพอต ทำให้การรวมชุดด้อยค่าลง จะเริ่มตั้งแต่งวดวันที่ 1 ส.ค.2558 เป็นต้นไป สาเหตุที่ไม่เริ่มพร้อมกันได้ในงวด 16 มิ.ย. เพราะพิมพ์สลาก ล่วงหน้าไปหมดแล้ว

        นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีมติเห็นชอบแก้ไขสัญญาที่ทำไว้กับผู้ค้าสลาก 48 ล้านฉบับ ที่จะหมดอายุในเดือนก.ค. โดยปรับปรุงในส่วนบทลงโทษใหม่ หากพบว่าผู้ที่ได้รับโควตาสลากฯ ไม่ควบคุมราคาขายที่ 80 บาท จะ จัดตั้งชุดเฉพาะกิจ ประกอบด้วย ทหาร ตำรวจ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรม กระทรวงมหาดไทย จำนวน 10 ทีม ตรวจสอบผู้ค้าสุ่มทั่วประเทศในจุดต่างๆ หากเจอขายเกินราคา จะใช้วิธีตรวจสอบย้อนรอย เพื่อสาวไปถึงต้นตอว่า รับสลากมาจากที่ใด ใครเป็นผู้ขายส่งเกินราคา “ทีมตรวจสอบจะเข้มงวดเอาจริง โดยกันผู้ค้ารายย่อยเป็นพยานเอาผิดผู้ที่ขายเกินราคา เบื้องต้นมีความผิดติดคุก 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท รวมถึงยกเลิกสัญญา และเอาผิดตามกฎหมายประมวลรัษฎากร และการปราบปรามทุจริตและการฟอกเงิน ตรวจสอบเส้นทางรายได้และทรัพย์สินของผู้ที่ได้รับจัดสรรโควตา และจำหน่ายสลากฯ เกินราคา ว่ามีการเลี่ยงภาษีจากรายได้ที่เกิดขึ้นหรือไม่ และมีเส้นทางรายได้เป็นอย่างไร โดยหารือร่วมกับกรมสรรพากร และพร้อมจะให้ความร่วมมือแล้ว” พล.ต.อภิรัชต์กล่าว

         ประธานคณะกรรมการสลากฯ กล่าวว่า ส่วนแนวคิดจำหน่ายสลากผ่านร้านสะดวกซื้อ และหวยออนไลน์นั้น ที่ประชุมไม่ได้หารือ เพราะการขายผ่านร้านค้าปลีกยังไม่มีความจำเป็น ขอใช้ระบบจำหน่ายเดิมไปก่อนระยะหนึ่ง ก่อนจะพิจารณาความเหมาะสมอีกครั้ง ส่วนการจำหน่ายผ่านสถานีบริการน้ำมันของปตท.นั้น เป็นการจัดพื้นที่ให้ผู้พิการและรายย่อยไปจำหน่าย และจากมาตรการปรับโครงสร้างราคา ต้องขอเวลา 1-2 เดือนจะ เห็นผล หากไม่ประสบความสำเร็จ จะต้องปรับการทำงาน โดยมีแผน 1-2-3 รองรับ และพร้อมปรับเปลี่ยนทุกสัปดาห์

       “ตามมาตรา 44 ผมสามารถปรับหลักเกณฑ์ หรือยกเลิกอะไรก็ได้ เพื่อให้ราคาสลากฯ มาอยู่ที่ 80 บาทต่อคู่ ดังนั้น ตัวชี้วัดความสำเร็จของมาตรการ คือราคาจะต้อง 80 บาทเท่านั้น ขอฝากไว้ว่าจากความตั้งใจจริงของรัฐบาล และความปรารถนาดี รวมถึงความโปร่งใส เรายอมลดต้นทุนให้ผู้ค้าแล้ว ทำให้รัฐขาดรายได้ปีละ 1,500 ล้านบาทต่อปี ถ้ายังไม่ลดความเห็นแก่ตัวลงเวลาโดนกฎหมาย หรือคำสั่ง คสช. อย่ามาโวย เพราะมันเกินไป ควรหยุดได้แล้ว ขอร้อง ประชาชนผู้บริโภคก็อย่าไปสนับสนุนให้ขายเกินราคา รู้ทั้งรู้ว่าต้นทุนอยู่ที่ 80 บาท ถ้าขายเกินก็ อย่าไปซื้อ ช่วยรักษาสิทธิ์ของตัวเองด้วย” พล.ต.อภิรัชต์กล่าว

ที่มา http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1432084357