สุนัขตายมาแล้ว 7 ปี ร่างไม่เน่า ให้โชคลาภแก่เจ้าของ-นิมนต์พระทำบุญ

เมื่อวันที่ 24เม.ย.58 ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า มีชาวบ้านจำนวนมากพากันแห่ไปกราบไหว้สุนัขตายมาแล้ว 7 ปี ร่างไม่เน่าเปื่อย อยู่ที่บ้านเลขที่ 6/2 หมู่ที่ 3 ต.หลักสาม อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร เจ้าของเชื่อว่า สุนัขนี้ให้โชคลาภแก่ตนและผู้ที่มากราบไหว้ ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปตรวจสอบสุนัขให้โชคลาภ

เมื่อไปถึง บ้านหลังดังกล่าวเป็นของป้าส้มลิ้ม เนียมนาค และเจ้าของสุนัขชื่อ เจ้าเจ๋ง โดยเจ้าเจ๋งเป็นสุนัขพันธุ์ไทย ได้ตายมาแล้ว 7 ปี แต่ร่างไม่เน่าเปื่อย จากการตรวจสอบลักษณะสุนัขมีร่างแห้งคล้ายกับหิน ส่วนศพของเจ้าเจ๋ง ก็ยังนอนอยู่บนที่นอนฟองน้ำของเด็ก มีผ้าคลุมตัวเอาไว้ และมีเงินธนบัตรในละ 100 บาท 500 บาท จำนวนมากมายวางอยู่รอบๆ

     ป้าส้มลิ้ม ได้เล่าให้ฟังว่า ทางครอบครัวจะจัดพิธีทำบุญให้กับเจ้าเจ๋งนี้ทุกๆปีประมาณปีละ 1-2 ครั้ง เพราะสุนัขนี้เป็นเหมือนแก้วตาดวงใจของครอบครัว โดยได้มีการนิมนต์พระภิกษุสงฆ์มา 5 รูป สวดบังสุกุลให้แก่เจ้าเจ๋ง พร้อมกันนี้ก็ยังมีชาวบ้านและผู้ที่ได้รับโชคลาภจากเจ้าเจ๋งมาร่วมทำบุญกว่า 30 คน ส่วนเครื่องสังฆทานนั้น นอกจากจะเป็นสังฆทานที่ถวายกันทั่วๆไปแล้ว ก็มีการถวายสิ่งของที่ทางวัดกำลังขาดแคลนอีกด้วย

    ป้าส้มลิ้ม ยังกล่าวต่ออีกว่า การทำบุญให้เจ้าเจ๋งทุกๆปี ในแต่ละครั้งผู้ที่มาร่วมบุญมักจะได้โชคลาภอยู่เป็นประจำ เพราะสำหรับเจ้าเจ๋งนั้น เมื่อ 25 ปี ที่แล้ว ตั้งแต่เจ้าเจ๋งเพิ่งเกิดใหม่ๆ โดยป้าส้มลิ้มและคนในครอบครัวก็ได้เลี้ยงดูมาอย่างดี เหมือนกับเลี้ยงดูคนๆ หนึ่ง ซึ่งเจ้าเจ๋งนั้นเป็นสุนัขแสนรู้ เข้าใจภาษาคนเป็นอย่างมาก เวลาไปไหนก็จะไปด้วยกับป้าส้มลิ้มตลอด แต่ถ้าป้าบอกไม่ให้ไป เจ๋งก็จะไม่ไป และจะนอนเฝ้าบ้านตรงที่ศพของเจ๋งวางอยู่ จนกระทั่งเมื่อประมาณ 7 ปีที่แล้ว เจ้าเจ๋งป่วยด้วยโรคมะเร็งในลำไส้ และเสียชีวิตในที่สุด

     ทั้งนี้ พอเจ้าเจ๋งได้ตายไป ป้าส้มลิ้ม ได้บอกกับเจ้าเจ๋งว่า “เมื่อตอนที่เจ๋งอยู่ก็ช่วยทำให้พ่อให้แม่มีเงินมีทองไหลมาเทมาอยู่เสมอ ทั้งนี้เมื่อเจ๋งตายไปแล้ว ก็ขอให้เจ๋งอยู่ที่บ้านนี้ต่อไป และขอให้เจ๋งยังคงให้โชคพ่อกับแม่เหมือนเดิม” ซึ่งก็เป็นจริงตามที่บอกกล่าวไป เพราะคนในครอบครัวมักจะมีโชคลาภเข้ามาเรื่อยๆอยู่เสมอ ร่วมถึงในเรื่องของค้าขาย จึงทำให้ป้าลิ้มต้องทำบุญให้เจ้าเจ๋งทุกๆปี ปีละ 1-2 ครั้ง

ที่มาข่าว http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1429873755