ชาวนาโดนฟ้าผ่าใส่ไม่ตาย เชื่อเพราะห้อย”พระร่วงกรุลพบุรี”

ฟ้าผ่าใส่ไม่ตาย

เมื่อวันที่ 4พ.ค.57 เวลาประมาณ 16.30น. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า มีชาวนา ถูกฟ้าผ่าใส่อย่างจังๆกลางร่างจนล้มทั้งยืนและพระที่ใส่อยู่ในคอขาดกระเด็น แต่รอดชีวิตอย่างปาฎิหาร เชื่อเป็นเพราะปาฎิหารของ “พระร่วงกรุลพบุรี” ที่ได้ใส่ห้อยคออยู่ในขณะนั้น ซึ่งผู้ที่โดนฟ้าผ่าใส่ร่างคือ นายไพโรจน์ แสงหมี อายุ 54 ปี มีอาชีพชาวนา อยู่บ้านเลขที่  63/1 ม.6 ต.มะต้อง อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปตรวจสอบ 

เมื่อผู้สื่อข่าวเดินทางมาถึง พบชาวบ้านจำนวนมาก ต่างมาเยี่ยมให้กำลังใจ นายไพโรจน์ โดยนายไฟโรจน์ได้ออกมาเปิดเผยด้วยน้ำเสียงสั่นคลอว่า ในช่วงเช้าตนได้ออกมารองน้ำฝนในขณะที่ฝนกำลังตกอย่างหนักและมีฟ้าแลบฟ้าร้องอยู่ตลอดเวลา และในขณะที่ตนกำลังจะก้มตัวไปวางกระถางรองน้ำนั้น ได้เกิดฟ้าฟ้าใส่เข้าที่กลางลำตัเกิดเสียงดังลั่นสนั่น จนทำให้ตนนั้นล้มกระเด็ดออกมา และเกิดรู้สึกชาไปทั้งตัว จึงได้รีบคลานเข้าไปในบ้าน ส่วนพระที่ต้นใส่สวมห้อยคออยู่นั้นได้ขาดกระเด็ด หลังจากที่ตนมีสติจึงได้เรียกเพื่อนบ้านมาช่วยตนไปโรงพยาบาล โดยแพทย์ได้ตรวจร่างกายไปพบบาดแผลแต่อย่างใด จึงให้นอนพักและกลับมาบ้านรอดูอาการต่ออีก 1 วัน ซึ่งหลังจากนั้นตนก็มีอาการดีขึ้นเรื่อยๆ

นายไพโรจน์ ได้กล่าวต่ออีกว่า ตนเชื่อว่า สาเหตุที่ตนเองรอดนี้ เป็นเพราะบารมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตนได้คล้องคออยู่นั้น ซึ่งเป็นสร้อยกะลาตาเดียวและได้คล้องพระร่วงกรุลพบุรี ที่ได้ขุดพบที่ อ.บ้านหมี่ เพียงองค์เดียว ซึ่งในขณะที่ฟ้าผ่านั้น สร้อยได้กระเด็ดหลุดเพราะตรงบริเวณตะขอได้ละลายจากความร้อนของกระแสไฟฟ้าที่ฟ้าผ่าลงมาที่ลำตัว และในวันนี้ตนก็ได้เดินทางไปทำบุญตามวัดต่างๆตลอดทั้งวัน เพราะตนรู้สึกว่าเหมือนได้ตายแล้วเกิดใหม่ และมีเพื่อนบ้านมาแวะด้วยความเป็นห่วงกันตลอดทั้งวัน

ฟ้าผ่าใส่ไม่ตาย-1

พระร่วงกรุลพบุรี

ทั้งนี้ นายเวียง ศิษย์น้อย อายุ 62 ปี อยู่บ้านเลขที่ 29 ม.11 ต.มะต้อง ผู้เห็นเหตุการณ์ ได้เล่าให้ฟังว่า ในขณะที่เกิดเหตุตนอยู่ในบ้านขณะนั้นมีฝนตกลงมาอย่างหนัก และฟ้าร้องคำรามเสียงดังมาก ตนเห็นนายไพโรจน์ เดินถอดเสื้อถือกระถางน้ำออกมารองน้ำฝนบริเวณข้างบ้าน และอยู่ๆ ก็มีเสียงฟ้าผ่าลงมาตรงที่นายไพโรจน์ก้มวางถังน้ำอยู่เสียงดังสนั่น ตนตกใจรีบลุกวิ่งเข้าไปหลบในบ้าน เมื่อสิ้นเสียงจึงวิ่งออกมาดู ก็พบร่างนายไฟโรจน์นอนอยู่และค่อยๆ ลุกคลานกลับเข้าไปในบ้าน ตนจึงร้องเรียกเพื่อนบ้านให้ไปช่วยดูและพานายไพโรจน์ไปส่งยังโรงพยาบาล โดยครั้งแรกที่เข้าไปช่วยเหลือก็แปลกใจว่าตามร่างกายนายไพโรจน์ไม่มีบาดแผลใดๆ เลย มีเพียงอาการชาตามตัว และจุกเสียดเล็กน้อย ซึ่งโดยส่วนตัวก็เชื่อว่าเป็นเพราะนายไพโรจน์เป็นคนดีมีจิตใจเมตตา ทำให้พระในคอคุ้มครองให้รอดปลอดภัยจากเหตุการณ์ในครั้งนี้

ที่มาข่าว เดลินิวส์ออนไลน์